วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

มารยาทในการใช้อินเตอร์เน็ต

 มารยาท ระเบียบ และข้อบังคับในการใช้อินเทอร์เน็ต

               บัญญัติ 10 ประการ ของการใช้อินเทอร์เน็ต
    จากปัญหาการล่อลวงที่เกิดจากการเล่นอินเทอร์เน็ตที่นับวันยิ่งมีมากขึ้น ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้พยายามหามาตรการป้องกันปัญหาและภัยจากการใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งเกิดจากคนที่ขาดจิตสำนึกที่ดีของสังคม ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและสังคมเพื่อหลีกเลี่ยงและรับมือจากความเสี่ยงจากภัยออนไลน์ ทั้งนี้รองศาสตราจารย์ยืน ภู่วรวรรณ ได้กล่าวถึง บัญญัติ 10 ประการซึ่งเป็นจรรยาบรรณที่ผู้ใช้ควรยึดถือไว้เป็นแม่บทของการปฏิบัติ ดังนี้

1.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
2.  ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3.  ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5.  ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6.  ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7.  ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8.  ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9.  ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เกิดจากการกระทำของท่าน
10.ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท

                    อินเทอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นบริการสาธารณะและมีผู้ใช้จำนวนมาก เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ที่เข้ามาใช้ควรมีกฏกติกาที่ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานที่ผิดวิธี ในทีนี้ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ1. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่เข้าไปใช้บริการต่างๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ
ด้านการติดต่อสื่อสารกับเครือข่าย ประกอบด้วย
  • ในการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายควรใช้ชื่อบัญชี (Internet Account Name) และรหัสผ่าน (Password) ของตนเอง ไม่ควรนำของผู้อื่นมาใช้ รวมทั้งนำไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆ
  • ควรเก็บรักษารหัสผ่านของตนเองเป็นความลับ และทำการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นระยะๆ รวมทั้งไม่ควรแอบดูหรือถอดรหัสผ่านของผู้อื่น
  • ควรวางแผนการใช้งานล่วงหน้าก่อนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
  • เลือกถ่ายโอนเฉพาะข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง
  • ก่อนเข้าใช้บริการต่างๆ ควรศึกษากฏ ระเบียบ ข้อกำหนด รวมทั้งธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละเครือข่ายที่ต้องการติอต่อ
ด้านการใช้ข้อมูลบนเครือข่าย ประกอบด้วย
  • เลือกใช้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีแหล่งที่มาของผู้เผยแพร่ และที่ติดต่อ
  • เมื่อนำข้อมูลจากเครือข่ายมาใช้ ควรอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น และไม่ควรแอบอ้างผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
  • ไม่ควรนำข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต
ด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ ประกอบด้วย
  • ใช้ภาษาที่สุภาพในการติดต่อสื่อสาร และใช้คำให้ถูกความหมาย เขียนถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
  • ใช้ข้อความที่สั้น กะทัดรัดเข้าใจง่าย
  • ไม่ควรนำความลับ หรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นมาเป็นหัวข้อในการสนทนา รวมทั้งไม่ใส่ร้ายหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ดูถูก เหยียดหยามศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อของผู้อื่น
  • ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นควรสอบถามความสมัครใจของผู้ที่ติดต่อด้วย ก่อนที่จะส่งแฟ้มข้อมูล หรือโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ไปยังผู้ที่เราติดต่อด้วย
  • ไม่ควรส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ที่ก่อความรำคาญ และความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น จดหมายลูกโซ่
ด้านระยะเวลาในการใช้บริการ ประกอบด้วย
  • ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการติดต่อกับเครือข่าย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้คนอื่นๆ บ้าง
  • ควรติดต่อกับเครือข่ายเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานจริงเท่านั้น
2. มารยาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในฐานะบุคคลที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย
  • ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และข่าวสารต่างๆ ก่อนนำไปเผยแพร่บนเครือข่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง
  • ควรใช้ภาษาที่สุภาพ และเป็นทางการในการเผยแพร่สิ่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต และควรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • ควรเผยแพร่ข้อมูล และข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขัดต่อศีลธรรมและจริยธรรมอันดี รวมทั้งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
  • ควรบีบอัดภาพหรือข้อมูลขนาดใหญ่ก่อนนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อประหยัดเวลาในการดึงข้อมูลของผู้ใช้
  • ควรระบุแหล่งที่มา วันเดือนปีที่ทำการเผยแพร่ข้อมูล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของผู้เผยแพร่ รวมทั้งควรมีคำแนะนำ และคำอธิบายการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน
  • ควรระบุข้อมูล ข่าวสารที่เผยแพร่ให้ชัดเจนว่าเป็นโฆษณา ข่าวลือ ความจริง หรือความคิดเห็น
  • ไม่ควรเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร รวมทั้งโปรแกรมของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และที่สำคัญคือไม่ควรแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้อื่นที่เผยแพร่บนเครือข่าย
  • ไม่ควรเผยแพร่โปรแกรมที่นำความเสียหาย เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่าย และควรตรวจสอบแฟ้มข้อมูล ข่าวสาร หรือโปรแกรมว่าปลอดไวรัส ก่อนเผยแพร่เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
  • ที่มา http://pensoosan.blogspot.com/

  • กด

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สูตรเคมี (chemical formulas) คือ สัญลักษณ์ที่ใช้เขียนแทนโมเลกุลของสารที่ประกอบด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ และจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบโมเลกุลของสารนั้นๆ

ประเภทสูตรเคมี

1. สูตรโมเลกุล (molecular formulas) คือ สูตรเคมีที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของธาตุ และจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสารนั้นใน 1 โมเลกุล เช่น
H2O (น้ำ) จำนวน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย H 2 อะตอม และ O 1 อะตอม
CCl4 (คาร์บอนเตรตะคลอไรด์) จำนวน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย C 1 อะตอม และ Cl 4 อะตอม
C6H12O6 (น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว) จำนวน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย C 6 อะตอม, H 12 อะตอม และ O 6 อะตอม
H2SO4 (กรดซัลฟูริก) จำนวน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย H 2 อะตอม, S 1 อะตอม และ O 4 อะตอม
NaCl (เกลือ) จำนวน 1 โมเลกุล ประกอบด้วย Na 1 อะตอม และ Cl 1 อะตอม
2. สูตรอย่างง่าย หรือ สูตรเอมพิริคัล (empirical formulas) คือ สูตรเคมีที่แสดงถึงอัตราส่วนอย่างต่ำของจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบ นิยมใช้เขียนแสดงสูตรของสารประกอบไอออนิกที่ไม่มีสูตรโมเลกุลที่แน่นอน เช่น
H2O2 สูตรอย่างง่ายคือ HO
C6H12O6 สูตรอย่างง่ายคือ CH2O
C4H10 สูตรอย่างง่ายคือ C2H5
C2H2 สูตรอย่างง่ายคือ CH
3. สูตรโครงสร้าง (structural formulas) คือ สูตรเคมีที่แสดงถึงองค์ประกอบของธาตุ และจำนวนอะตอมของธาตุที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะต่างๆ สามารถเขียนได้ 2 แบบ คือ
3.1 สูตรโครงสร้างในระนาบ 2 มิติ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
– สูตรโครงสร้างแบบเส้น (dash formulas) เป็นสูตรโครงสร้างที่ใช้วิธีการเขียนเส้นตรงแทนอิเล็กตรอนจำนวน 1 คู่  เช่น
น้ำตาลกลูโคส
กลูโคส
– สูตรโครงสร้างแบบจุดอิเล็กตรอน (electron-dot formulas) หรือ สูตรลิวอิส ที่เสนอโดยลิวอิส (G. N. Lewis) โดยการเขียนจุด (.) ที่หมายถึงจำนวน 1 อิเล็กตรอน ไว้รอบข้างสัญลักษณ์ของธาตุในโมเลกุลนั้น เช่น 
สูตรโครงสร้างแบบจุด
3.2 สูตรโครงสร้างในปริภูมิ 3 มิติ
เช่น สูตรโครงสร้างของเอทิลแอลกอฮอล์จากแบบเส้นเป็นแบบ 3 มิติ
ethanol

การคำณวนสูตรเอมพิริคัล และสูตรโมเลกุล

สูตรเอมพิริคัลหรือสูตรอย่างง่าย เป็นสูตรเคมีที่แสดงถึงอัตราส่วนอะตอมอย่างต่ำของแต่ละธาตุที่เป็นองค์ประกอบในโมเลกุล เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) มีอัตราส่วนอะตอมอย่างต่ำของธาตุ H และ O เป็น 1:1 เขียนเป็นสูตรเอมพิริคัล คือ HO ซึ่งมีหลักในการหาสูตร คือ
– ต้องทราบชนิดธาตุที่เป็นองค์ประกอบสารนั้นๆ
– ต้องทราบมวลอะตอมของแต่ละธาตุที่เป็นองค์ประกอบ
– ต้องทราบมวลของแต่ละธาตุที่เป็นองค์ประกอบ
– คำนวณหาสูตรเอมพิริคัลจากอัตราส่วนโดยโมล ด้วยการนำมวลหารด้วยมวลอะตอมของแต่ละธาตุ
– การปัดจุดทศนิยมจากการหาร หากเป็นจุดทศนิยม 0.1-0.2 ให้ปัดทิ้ง หากเป็นจุดทศนิยม 0.8-0.9 ให้ปัดเพิ่มขึ้น 1 หากตัวเลขมีค่า 0.0-0.7 ให้นำตัวเลขที่มีค่าน้อยที่สุดมาคูณกับอัตราส่วนโดยโมลให้มีค่าใกล้เคียงกับจุดที่จะปัดเสียก่อน
2. สูตรโมเลกุล เป็นสูตรเคมีที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของธาตุ และจำนวนอะตอมของธาตุที่เป็นองค์ประกอบของสารนั้นใน 1 โมเลกุล เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) 1 โมเลกุล ประกอบด้วย H 2 อะตอม และ O 2 อะตอม มีหลักการหาสูตร คือ
– ต้องทราบสูตรเอมพิริคัล
– ต้องทราบจำนวนมวลโมเลกุลของแต่ละธาตุ
– หาค่า n โดยใช้สูตร
(มวลจากสูตรเอมพิริคัล) x n = มวลโมเลกุล
โดยที่ n = เลขจำนวนเต็มบวก เช่น 1, 2, 3, …
– การปัดจุดทศนิยม หากตัวเลขทศนิยมมีค่าตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป ให้ปัดเป็น 1 หากตัวเลขทศนิยมมีค่าน้อยกว่า 0.5 ให้ปัดทิ้ง เช่น 2.5 ให้ปัดเป็น 3.0 ส่วนตัวเลขเป็น 2.4 ให้ปัดลงเป็น 2.0 เป็นต้น

การคำนวณมวลร้อยละจากสูตรเคมี

ร้อยละ หรือ ส่วนใน 100 ส่วน (past per hundred, pph) ด้วยการหาจากสูตรเคมี แบ่งเป็น 3 อย่าง คือ
1. ร้อยละโดยมวล หรือน้ำหนัก (มวล/มวล) หมายถึง ปริมาณมวลของสารตัวถูกละลายที่ละลายในตัวทำละลาย 100 หน่วย โดยมวลเดียวกัน  เช่น หน่วยเป็น มิลลิกรัม (mg), กรัม (g), กิโลกรัม (kg) เป็นต้น ร้อยละโดยมวลคำนวณได้จากสูตร
ร้อยละโดยมวล A = (มวล A/มวลตัวทำละลาย) x 100
ตัวอย่างการคำนวณมวลจากสูตรเคมี
Na2CO3 จำนวน 1 โมล มีมวลโมเลกุล 106 กรัม ที่ประกอบด้วย
Na จำนวน 2 อะตอม มีมวลโมเลกุล 23 = 2 x 23 กรัม เป็น 46 กรัม
C จำนวน 1 อะตอม มีมวลโมเลกุล 12 = 1 x 12 กรัม เป็น 12 กรัม
O จำนวน 3 อะตอม มีมวลโมเลกุล 16 = 3 x 16 กรัม เป็น 48 กรัม
ดังนั้น Na2CO3 จำนวน 1 โมล มีน้ำหนักเท่ากับ 46+12+48 กรัม หรือ 106 กรัม
ตัวอย่างการคำนวณ
สารละลายชนิดหนึ่งเตรียมได้จากการละลาย 10 กรัม ของ Na2SO4.10H2O ในน้ำ 100 กรัม แล้วจะมี Na2SO4 ละลายอยู่กี่เปอร์เซ็นต์โดยมวลของสารละลาย
การคำนวณ
มวลจากสูตรเคมี  Na2SO4.10H2O = 322 กรัม
มวลจากสูตรเคมี  Na2SO4 = 142 กรัม
สาร  Na2SO4.10H2O ที่เติมในน้ำ 10 กรัม จะมี  Na2SO4 = (142x 10) /322 = 4.41 กรัม
ดังนั้น % โดยมวล Na2SO4 = (มวล Na2SO4/(มวล  Na2SO4.10H2O + มวลน้ำ)) x 100
= (4.1/(10 + 100)) x 100
= 4.01% โดยมวล
2. ร้อยละโดยปริมาตร (ปริมาตร/ปริมาตร) หมายถึง ปริมาตรของสารตัวถูกละลายที่ละลายในตัวทำละลาย 100 หน่วย โดยปริมาตรเดียวกัน เช่น หน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตร (m3), ลูกบาศก์เซนติเมตร (cm3) เป็นต้น ร้อยละโดยปริมาตรคำนวณได้จากสูตร
ร้อยละโดยปริมาตร A = (ปริมาตร A/ปริมาตรตัวทำละลาย) x 100
ตัวอย่างการคำนวณ
เตรียมสารละลายน้ำส้มสายชูให้เจือจาง โดยเติมสารละลายน้ำส้มสายชูความเข้มข้น 50% จำนวน 200 ซีซี ลงในน้ำ 1000 ซีซี แล้วจะได้สารละลายน้ำส้มสายชูความเข้มข้นกี่เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร
การคำนวณ
c1v1 = c2v2
50 x 200 = c2 x 1200 (ปริมาตรน้ำ 1000+ ปริมาตรสารละลาย 200)
10000 = c2 x 1200
c2 = 10000/1200
c2 = 8.33% โดยปริมาตร
หมายเหตุ
c1 = ความเข้มข้นของสารตั้งต้น
c2 = ความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์
v1 = ปริมาตรสารตั้งต้น
v2 = ปริมาตรสารผลิตภัณฑ์
3. ร้อยละโดยมวล/ปริมาตร (มวล/ปริมาตร) หมายถึง ปริมาณมวลของสารตัวถูกละลายที่ละลายในตัวทำละลาย 100 หน่วยปริมาตร ร้อยละโดยมวล/ปริมาตรคำนวณได้จากสูตร
ร้อยละโดยมวล/ปริมาตร A = (มวล A/ปริมาตรตัวทำละลาย) x 100
ตัวอย่างการคำนวณ
เตรียมสารละลายน้ำส้มสายชู โดยใส่แอซิตริก (CH3COOH) จำนวน 10 กรัม ลงในน้ำ 100 ซีซี แล้วจะได้สารละลายน้ำส้มสายชูความเข้มข้นกี่เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร (ความหนาแน่น CH3COOH = 1.2)
การคำนวณ
D = m/v
1.2 = 10/v
v = 10/1.2 = 8.33
ดังนั้น ปริมาตรรวมทั้งหมดเท่ากับ 100+8.33 = 108.33 ซีซี
หาความเข้มข้นโดยปริมาตรได้เท่ากับ (8.33/108.33) x 100 = 7.69 เปอร์เซ็นต์ โดยปริมาตร
ที่มา http://www.siamchemi.com/